Home » การใช้หุ่นยนต์ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแรงงานในโรงงาน
1.การใช้หุ่นยนต์

การใช้หุ่นยนต์ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแรงงานในโรงงาน

47 views

สถานการณ์โควิด-19 เร่งผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหันมาใช้หุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ แทนแรงงานคนมากขึ้น เฉพาะ 6 เดือนแรกยอดคำขอ BOI มูลค่าพุ่ง 4,000 ล้านบาท พร้อมปรับเกณฑ์ยกเลิกเงื่อนไข 30%

local content ด้าน สนง.อีอีซีหวัง10,000 โรงงานหันลงทุนหุ่นยนต์ใช้แทนแรงงาน ขณะที่ ส.หุ่นยนต์ ย้ำโควิดทำให้หุ่นยนต์ไทยขายดีขึ้นในอุตฯอาหารอิเล็กทรอนิกส์เครื่องมือแพทย์

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า ขณะนี้มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร โดยการนำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ในรอบ 6 เดือนแรก (..-มิ.. 2564) มีโครงการที่ยอดคำขออยู่ที่ 28 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 4,000 ล้านบาท โดยมีผลมาจากสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานในหลายอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจากปัญหาโควิด-19 การปรับแผนการลงทุนเพื่อนำเข้า หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มาใช้แทนแรงงาน และนำเทคโนโลยีที่สูงขึ้นมาใช้โดยราคาที่เหมาะสมกว่าเดิม

บอร์ดส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้กำหนดสิทธิประโยชน์ที่ดีเพื่อสนับสนุนโครงการเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปีในสัดส่วน 50% ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน) รวมถึงการยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักรด้วย

นอกจากนี้ หากโรงงานอุตสาหกรรมเลือกใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่มีการเชื่อมโยงหรือสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตระบบอัตโนมัติในประเทศ (local content) ไม่น้อยกว่า 30% ของมูลค่าระบบอัตโนมัติ จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมโดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปีในสัดส่วน 100% ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน)

มีการเห็นได้ชัดว่าหลายโรงงานอุตสาหกรรมได้เริ่มใช้การนำเข้าหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อแทนแรงงาน ตัวอย่างเช่น โรงงานอุตฯอาหารที่มีการลงทุนในระบบอัตโนมัติในการประมวลผลสินค้าทางการเกษตรและการประมวลผลปลา นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ที่ยื่นขอรับการส่งเสริมในปีก่อนหน้า และก็ได้ปรับปรุงและขยายตัวเพื่อเข้าเกณฑ์สิทธิประโยชน์มากขึ้นในปีนี้ สร้างแนวโน้มที่มีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

2.การใช้หุ่นยนต์y

การลงทุนในหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การเป้าหมายใหม่ของโรงงานใน EEC

ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ที่เป็นที่ปรึกษาพิเศษด้านการพัฒนาการศึกษา บุคลากร และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้กล่าวถึงการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติภายในประเทศที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากในระหว่างช่วงเวลา ที่โรงงาน EEC ตั้งเป้าหมายในการลงทุนด้านนี้ เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เขากล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมเข้าสู่ระดับ 4.0 และทำให้โรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มลงทุนในการปรับเปลี่ยนการผลิตด้วยการนำเทคโนโลยีระดับสูง เช่นระบบ 5G ดิจิทัล หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้แทนแรงงาน และคาดการณ์ว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นต่อไป

สำนักงาน EEC เสนอให้ทาง BOI ปรับปรุงมาตรการเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติภายในประเทศ ไม่เพียงแค่ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปีในสัดส่วน 100% ของเงินลงทุน แต่ยังขอให้ BOI ยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดสัดส่วนการใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่มีการเชื่อมโยงหรือสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตระบบอัตโนมัติในประเทศ (local content) ที่กำหนดไว้ที่ 30% ลงเสีย

ดร.ชิต เสนอว่า การยกเลิกเงื่อนไข local content 30% อาจเป็นทางออกที่ดี เพราะมีมากกว่า 200 โรงงานใน EEC ที่รอคอยการใช้มาตรการนี้ และหากการดำเนินการล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนใหม่จากนักลงทุนรายใหญ่ เขายังเพิ่มเติมว่า การสร้างดีมานด์ในการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติยังคงมีความสำคัญ และเป็นส่วนสำคัญของแผนการของ EEC โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันให้โรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ใน EEC ปรับตัวให้เป็น โรงงาน 4.0 ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยี 5G ดิจิทัล หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ การสร้างดีมานด์ด้านหุ่นยนต์จะยังคงต้องทำต่อไป โดยมีเป้าหมายในปี 2564 ที่จะผลักดันให้โรงงานอุตสาหกรรมใน EEC ปรับตัวเป็น โรงงาน 4.0 ได้ประมาณ 9,000-10,000 โรงงาน โดยสามารถลงทุนในเทคโนโลยี 5G ดิจิทัล หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติได้

สรุปแล้ว มีการนำเรื่องหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้าสู่อุตสาหกรรมใน EEC อย่างแข็งแกร่ง และมีการส่งเสริมการลงทุนในด้านนี้อย่างมาก เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับการผลิตในประเทศ อนึ่งยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับสมาชิกในอุตสาหกรรมเพื่อปรับตัวให้เข้าสู่ยุคของ โรงงาน 4.0 อย่างเต็มที่ ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยและคุณภาพของแรงงานที่มีทักษะในสายงานเทคโนโลยีใหม่ๆ อันจะเป็นประโยชน์ให้กับทั้งอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ยอดขายหุ่นยนต์ไทยฟื้น

การระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมในหลายด้าน แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในประเทศไทยที่จะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง เช่นกับที่ดร.ประพิณ อภินรเศรษฐ์ กรรมการบริหารของบริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ ได้กล่าวไว้ว่า ลูกค้าหลักของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มีลูกค้าหลักใน 2 อุตสาหกรรมสำคัญ คือ อุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 หุ่นยนต์ก็กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะใช้หุ่นยนต์มาก่อนหน้านี้ เนื่องจากขาดแคลนแรงงานต่างด้าวและการกักตัวของแรงงาน ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 ยอดขายรวมทั้งหมดของระบบนี้เติบโตขึ้นประมาณ 15-20%

นอกจากนี้ การระบาดของโรคโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้เชี่ยวชาญในด้านหุ่นยนต์จากต่างประเทศที่ไม่สามารถเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยได้ ทำให้บริษัทในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ สมาคม TARA มีสมาชิกประกอบไปด้วยบริษัทคนไทยจำนวน 70 บริษัท ดร.ประพิณ กล่าวว่า บริษัทใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งงานในประเทศไทยก็เริ่มสนใจใช้บริการบริษัทของคนไทย ซึ่งราคาการผลิตและการออกแบบระบบอัตโนมัติโดยคนไทยถูกกว่าบริษัทต่างชาติประมาณ 20% นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีมออกแบบ บริษัท ยูเรกา ออโตเมชั่น จ.ปทุมธานี เพิ่มเติมว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรมมองหาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เครื่องมือแพทย์

3.การใช้หุ่นยนต์

ปี 2564 ประเทศไทยคาดว่าจะมียอดขายหุ่นยนต์ได้ประมาณ 3,000 ตัว โดยจะเป็นหุ่นยนต์ที่ผลิตภายในประเทศไทยและจีนมากขึ้นแทนที่จะนำเข้าจากยุโรปและญี่ปุ่น นายจาง ช่าย ซิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพิ่มเติมว่า มีการเพิ่มขึ้นของการใช้หุ่นยนต์ในการผลิต เนื่องจากต้องอาศัยข้อมูลและระบบ robotic analysis ทำให้บริษัทต้องพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลได้แม่นยำมากขึ้น

ในที่สุด นายราชันท์ ฟักเมฆ กรรมการ บริษัท ที.ซี.เวลดิ้งออโตเมชั่น จำกัด อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม กล่าวว่า มียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 50% โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางเข้ามาติดต่อบริษัทเพื่อสั่งซื้อระบบงานเชื่อมโลหะอัตโนมัติเป็นจำนวนมาก

ในภาพรวม การระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นแรงผลักดันต่อการพัฒนาและใช้งานหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งเป็นการเติบโตที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในอนาคตที่ใกล้เข้ามา

แหล่งที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-758807

บทความน่าสนใจ

แหล่งรวมความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
ที่คุณสามารถเข้ามาค้นหาข้อมูลได้ทุกเมื่อ เพื่อความปลอดภัยที่ยั่งยืนในการทำงาน!

ติดต่อเรา : [email protected]

โทรศัพท์ : 099 936 6359

@2024 – PenciDesign. All Right Reserved. Designed and Developed by Sidlesl