การใช้ถังดับเพลิงเป็นหนึ่งในวิธีการที่สำคัญในการป้องกันและดับเพลิงในสถานที่ต่างๆ ซึ่งถังดับเพลิงนั้นจะต้องมีการผลิตและการใช้งานที่ได้มาตรฐานเพื่อให้สามารถดับเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ในแต่ละประเทศก็จะมีกฎระเบียบและมาตรฐานที่ใช้ในการควบคุมการผลิตและการใช้งานถังดับเพลิงที่แตกต่างกันไป
วันนี้เราจะมาทำการเปรียบเทียบมาตรฐานของถังดับเพลิงในประเทศไทยกับมาตรฐานของต่างประเทศ เช่น มาตรฐานของ NFPA (National Fire Protection Association) มาตรฐานของ EN (European Standard) และมาตรฐานของ TIS (Thai Industrial Standards) พร้อมทั้งข้อกำหนดพิเศษที่อาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ
จุดเริ่มต้นของการสร้างมาตรฐานถังดับเพลิงในระดับสากล
การกำหนดมาตรฐานในการผลิตและใช้งานถังดับเพลิงเริ่มขึ้นจากการตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอัคคีภัยในสังคม โดยในช่วงต้นทศวรรษที่ 20 ผู้คนเริ่มรู้จักและใช้งานถังดับเพลิงที่มีขนาดและประเภทต่าง ๆ ในการควบคุมไฟ แต่ยังขาดการควบคุมและข้อกำหนดที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการผลิตและการทดสอบถังดับเพลิง
มาตรฐานการผลิตและการใช้งานถังดับเพลิงในระดับสากลเริ่มมีการพัฒนาในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1896 ซึ่งในปีนั้น National Fire Protection Association (NFPA) ได้มีการก่อตั้งและเริ่มสร้างมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยในการป้องกันอัคคีภัย โดยเฉพาะในเรื่องของการดับไฟ ซึ่งหนึ่งในมาตรฐานสำคัญคือ NFPA 10: Standard for Portable Fire Extinguishers ที่ใช้ในการกำหนดข้อกำหนดพื้นฐานในการออกแบบและผลิตถังดับเพลิง เพื่อให้สามารถดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน ประเทศในยุโรปก็มีการพัฒนาและจัดตั้งมาตรฐานถังดับเพลิงของตนเองเช่นกัน โดยในยุโรป มาตรฐานถังดับเพลิงจะถูกกำหนดภายใต้มาตรฐาน EN (European Standards) ซึ่งมีการพัฒนาโดย European Committee for Standardization (CEN) ในปี ค.ศ. 1950 โดยมีข้อกำหนดที่ครอบคลุมถึงการผลิตและการใช้งานถังดับเพลิงในลักษณะที่มีความปลอดภัยสูงสุด
ความสำคัญในการป้องกันอัคคีภัย
การสร้างมาตรฐานถังดับเพลิงในระดับสากลไม่ได้มีเพียงแค่การกำหนดขนาดหรือประเภทของถังดับเพลิงเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นในการสร้างความเข้าใจและการอบรมให้กับผู้ใช้งานถังดับเพลิงอีกด้วย เพราะในกรณีที่เกิดเหตุการณ์อัคคีภัยนั้น ถังดับเพลิงจะสามารถช่วยชีวิตได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้องและทันเวลา
ในยุคปัจจุบัน ความสำคัญในการป้องกันอัคคีภัยได้ถูกเน้นย้ำมากขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์อัคคีภัยในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมีการเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบางครั้งอาจนำไปสู่ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น มาตรฐานถังดับเพลิงจึงเป็นเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการลดอันตรายจากอัคคีภัย เพราะถังดับเพลิงที่มีมาตรฐานสามารถช่วยในการควบคุมและดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้
นอกจากมาตรฐานของอุปกรณ์ดับเพลิงอย่างถังดับเพลิง แล้วการเสริมสร้างทักษะใช้ถังดับเพลิง ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยในสถานประกอบการได้มีข้อกำหนดทางกฎหมาย ให้นายจ้างต้องจัดอบรมดับเพลิงขั้นต้น ให้กับพนักงานในองคืกรไม่น้อยกว่า 40% ที่ต้องเข้าอบรม
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างถังดับเพลิงมาตรฐานไทยกับต่างประเทศ
1. มาตรฐาน NFPA (National Fire Protection Association)
NFPA เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยจากอัคคีภัย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มาตรฐานของ NFPA เกี่ยวกับถังดับเพลิงจะมีการระบุถึงลักษณะของถังดับเพลิงแต่ละประเภท รวมถึงการทดสอบความทนทานต่อแรงดันและการใช้งานจริง
มาตรฐานที่สำคัญสำหรับถังดับเพลิงของ NFPA คือ NFPA 10 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้ง การดูแลรักษา และการใช้งานถังดับเพลิงในสถานที่ต่างๆ มาตรฐานนี้มีการกำหนดให้ถังดับเพลิงต้องผ่านการทดสอบการทนทานต่อแรงดันสูง (Hydrostatic Test) ทุกๆ 5 ปี นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของถังดับเพลิงที่ต้องเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและขนาดของอาคาร
ข้อกำหนดที่สำคัญใน NFPA 10 ได้แก่:
- ระบุน้ำหนักและขนาด: ถังดับเพลิงต้องมีน้ำหนักและขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ
- การทดสอบ: ถังดับเพลิงจะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน เช่น การทดสอบแรงดันและการตรวจสอบการทำงานของวาล์ว
- การบำรุงรักษา: ต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำ
2. มาตรฐาน EN (European Standard)
มาตรฐาน EN หรือ European Standard เป็นมาตรฐานที่ใช้ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยมีการพัฒนาขึ้นเพื่อให้การใช้งานอุปกรณ์ดับเพลิงในยุโรปมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับถังดับเพลิงในยุโรปคือ EN 3 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับถังดับเพลิงประเภทต่างๆ
มาตรฐาน EN 3 มีการกำหนดข้อกำหนดที่ครอบคลุมถึงประเภทของสารเคมีที่ใช้ในถังดับเพลิง (เช่น สารเคมีผงแห้ง, สารเคมีเหลว, และ CO2) รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในการผลิตถังและความทนทานของวัสดุนั้นๆ
ข้อกำหนดที่สำคัญใน EN 3 ได้แก่:
- การทดสอบแรงดัน: ต้องมีการทดสอบถังดับเพลิงที่แรงดันสูงเพื่อให้มั่นใจว่าถังไม่แตกหรือรั่ว
- การทดสอบการทำงาน: ถังดับเพลิงจะต้องถูกทดสอบว่าใช้งานได้จริงในการดับเพลิงในสภาพที่แตกต่างกัน
- การติดตั้ง: มาตรฐาน EN 3 ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับวิธีการติดตั้งถังดับเพลิงในอาคารหรือสถานที่ต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ทันที
3. มาตรฐาน TIS (Thai Industrial Standards)
มาตรฐาน TIS หรือ Thai Industrial Standards เป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในประเทศไทย ซึ่งมีการกำหนดข้อกำหนดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงถังดับเพลิง โดยมาตรฐาน TIS ที่เกี่ยวข้องกับถังดับเพลิงคือ TIS 1038 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้สำหรับถังดับเพลิงในประเทศไทย
ข้อกำหนดที่สำคัญใน TIS 1038 ได้แก่:
- วัสดุและการผลิต: มาตรฐานนี้กำหนดให้ถังดับเพลิงต้องผลิตจากวัสดุที่มีความทนทานและไม่เกิดการกัดกร่อนจากสารเคมีที่ใช้
- ขนาดและประเภท: มาตรฐาน TIS 1038 จะกำหนดขนาดของถังดับเพลิงและประเภทของสารเคมีที่สามารถใช้ได้ เช่น ผงเคมีแห้ง, น้ำ, CO2
- การตรวจสอบและบำรุงรักษา: มีการกำหนดให้มีการตรวจสอบถังดับเพลิงทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าถังสามารถใช้งานได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ข้อกำหนดพิเศษในแต่ละประเทศ
ในแต่ละประเทศมีข้อกำหนดพิเศษที่แตกต่างกันตามบริบทของการใช้งาน และลักษณะของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ ตัวอย่างเช่น:
-
ในสหรัฐอเมริกา (ตามมาตรฐาน NFPA): การใช้ถังดับเพลิงจะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการบำรุงรักษาและการทดสอบ ถังดับเพลิงต้องมีการทดสอบแรงดันและต้องได้รับการตรวจสอบภายในระยะเวลา 5 ปี นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดตั้งถังดับเพลิงในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม
-
ในยุโรป (ตามมาตรฐาน EN): มาตรฐาน EN 3 จะเน้นการใช้งานที่สามารถตอบสนองต่อสภาวะการเกิดเพลิงไหม้ในลักษณะต่างๆ ถังดับเพลิงในยุโรปต้องสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงและต้องมีความสามารถในการดับไฟประเภทต่างๆ
-
ในประเทศไทย (ตามมาตรฐาน TIS): ในประเทศไทยจะมีการกำหนดข้อกำหนดที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานในประเทศ โดยมาตรฐาน TIS 1038 จะเน้นการใช้วัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมของประเทศ รวมถึงการบำรุงรักษาที่เป็นประจำ
หลักการควบคุมคุณภาพถังดับเพลิง
มาตรฐานต่าง ๆ ที่ได้รับการพัฒนาในระดับสากลช่วยให้การควบคุมคุณภาพของถังดับเพลิงมีความแม่นยำและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น มาตรฐาน NFPA และ EN จะมีการกำหนดข้อกำหนดที่ชัดเจนในเรื่องของวัสดุที่ใช้ในการผลิตถังดับเพลิง, ขนาด, น้ำหนัก, และความทนทานของถังในสภาวะที่มีการใช้งานจริง นอกจากนี้ยังมีการทดสอบต่าง ๆ เช่น การทดสอบแรงดัน, การทดสอบความทนทาน, และการทดสอบการทำงานของวาล์ว เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ผู้ใช้จะสามารถใช้งานถังดับเพลิงได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
สรุป
การเปรียบเทียบมาตรฐานถังดับเพลิงในแต่ละประเทศ ได้แก่ NFPA, EN, และ TIS แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในข้อกำหนดต่างๆ เช่น การทดสอบแรงดัน, การบำรุงรักษา, การติดตั้ง และประเภทของสารเคมีที่ใช้ในถังดับเพลิง แม้ว่าทุกมาตรฐานจะมีเป้าหมายเดียวกันในการทำให้ถังดับเพลิงมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่ข้อกำหนดเฉพาะในแต่ละประเทศจะถูกปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานถังดับเพลิงได้อย่างมั่นใจ
อ้างอิง:
- NFPA 10: Standard for Portable Fire Extinguishers
- EN 3: Portable Fire Extinguishers
- TIS 1038: Thai Industrial Standard for Fire Extinguishers
บทความที่น่าสนใจ
- ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้เพื่อรองรับผู้พิการ
- ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบดับเพลิงมักพบบ่อย
- เครื่องดับเพลิงชนิดต่างๆ ที่คุณควรรู้